“ผิวอิ่มฟู” หนึ่งในความต้องการของผู้หญิงหลาย ๆ คน เพราะผิวที่ดูเต่งตึง เปล่งปลั่ง และมีความชุ่มชื้นอย่างสมดุล นั้นไม่เพียงช่วยให้ใบหน้าดูสุขภาพดี แต่ยังเสริมให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเครียด มลภาวะ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ล้วนส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและดูหมองคล้ำได้ หากใครกำลังมองหาวิธีดูแลผิวให้กลับมาอิ่มฟู ในบทความนี้ Pattippa Clinic มีคำตอบ
ผิวอิ่มฟู ดูแลยังไง
Pattippa Clinic แชร์ทริค ฟื้นฟูผิวให้ฉ่ำวาว
หากเคยส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าผิวหน้าของตนเองดูหมองคล้ำ แห้งกร้าน หรือขาดความสดใส นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าผิวของคุณกำลังขาดความชุ่มชื้นและต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน ผิวอิ่มฟูหรือผิวที่ดูฉ่ำน้ำ มีความยืดหยุ่น และเปล่งปลั่งสุขภาพดี ไม่เพียงแต่ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจและทำให้เมคอัพติดทนขึ้นด้วย
แล้วจะดูแลผิวให้ฉ่ำวาวได้อย่างไร? Pattippa Clinic จะมาแชร์เคล็ดลับฟื้นฟูผิวแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลผิวที่ช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดีในระยะยาวให้ทุกคนได้ทราบไปพร้อม ๆ กัน
5 เคล็ดลับคืนความอิ่มฟูให้ผิว
วิธีง่าย ๆ ทำได้ด้วยตนเอง
การรักษาให้ผิวหน้าดูอิ่มฟูอยู่เสมอนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการดูแลที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน ซึ่งหากผิวของเราดูแห้ง หมองคล้ำ หรือขาดความสดใส ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะการฟื้นคืนความชุ่มชื้นและความเปล่งปลั่งให้กับผิวนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก Pattippa Clinic ขอแนะนำ 5 เคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ซึ่งประกอบด้วย…

น้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว เมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวก็จะแห้ง ขาดความยืดหยุ่น และดูหมองคล้ำ การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำจากภายใน ปริมาณน้ำที่แนะนำต่อวันคือ 8-10 แก้ว หรือสามารถปรับตามน้ำหนักตัวของแต่ละคน
เครื่องดื่มที่ช่วยบำรุงผิว เช่น…
- น้ำมะพร้าว : ช่วยเติมความชุ่มชื้นและมีอิเล็กโทรไลต์ที่ดีต่อร่างกาย
- น้ำแตงโม : อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยเติมน้ำให้ผิว
- ชาเขียว : ช่วยลดการอักเสบของผิวและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมช่วยกักเก็บน้ำเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะ Hyaluronic Acid, Glycerin และ Ceramide ซึ่งช่วยดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวและป้องกันการสูญเสียน้ำ
ประเภทสกินแคร์ที่แนะนำ ได้แก่…
- เซรั่ม : เนื้อบางเบาแต่ให้ความชุ่มชื้นลึกลงสู่ผิว
- เอสเซนส์ : ช่วยเติมน้ำให้ผิวก่อนลงมอยส์เจอไรเซอร์
- มอยส์เจอไรเซอร์ : ช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิว
เทคนิคการลงสกินแคร์ให้ได้ผล…
- ทาบนผิวหมาด ๆ เพื่อช่วยให้สารบำรุงซึมซาบได้ดีขึ้น
- ใช้วิธี Layering โดยเริ่มจากเนื้อสัมผัสที่บางเบาไปสู่เนื้อสัมผัสที่เข้มข้น
โภชนาการที่ดีช่วยเสริมสร้างความชุ่มชื้นจากภายใน อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3, วิตามิน C และ วิตามิน E ช่วยให้ผิวแข็งแรงและเปล่งปลั่ง
อาหารที่ช่วยบำรุงผิว เช่น…
- อะโวคาโด : มีไขมันดีช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
- แซลมอน : มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบของผิว
- อัลมอนด์ : อุดมไปด้วยวิตามิน E ที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
- ผักผลไม้ : มีวิตามิน C ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่…
- คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้ผิวขาดน้ำและดูหมองคล้ำ
การพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อย่างเต็มที่ หากนอนน้อย ผิวจะดูโทรม ขาดความกระจ่างใส และอาจเกิดริ้วรอยก่อนวัย
เคล็ดลับการนอนเพื่อฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้น คือ…
- นอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
- ใช้ ปลอกหมอนผ้าไหม เพื่อลดการเสียดสีและช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น
รังสี UV เป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวสุขภาพดี เพราะสามารถทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย การใช้ ครีมกันแดดที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เคล็ดลับการใช้กันแดด ประกอบด้วย…
- เลือกกันแดดที่มีค่า SPF 30-50, PA+++
- ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- ใช้ปริมาณกันแดดที่เพียงพอ (ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือสำหรับใบหน้า)
สรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับ “การดูแลผิวให้อิ่มฟู”
