เลเซอร์หลุมสิว โปรแกรมรักษารอยสิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

เลเซอร์หลุมสิว” อีกหนึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่หลาย ๆ คนสนใจ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดรอยสิวที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าแล้ว ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อคืนความเรียบเนียนและฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีอีกครั้ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวที่ยังคงเด่นชัด การเลือกใช้โปรแกรมเลเซอร์หลุมสิวที่เหมาะสมจึงถือเป็นทางเลือกที่แก้ไขปัญหาได้ตรงสาเหตุในการปรับปรุงสภาพผิวหน้าให้กลับมาดูดีเหมือนเดิม

เลเซอร์หลุมสิว โปรแกรมรักษาผิวหน้าที่เกิดจากปัญหารอยสิว จาก Pattippa Clinic

ปัญหาหลุมสิวและรอยแผลเป็นจากสิวถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจในผิวหน้า แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน การรักษาหลุมสิวสามารถทำได้อย่างตรงสาเหตุ โดยหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความนิยมและไว้วางใจคือโปรแกรมเลเซอร์หลุมสิวจาก Pattippa Clinic ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้กลับมาเรียบเนียนและกระจ่างใสอีกครั้ง ซึ่งจะมีโปรแกรมเลเซอร์รูปแบบไหนบ้าง บทความนี้มีคำตอบ

หลุมสิว รอยสิว คืออะไร เกิดจากสิวประเภทไหน รักษาด้วยวิธีไหนดี?

เมื่อพูดถึง “หลุมสิว” ก็ต้องบอกก่อนว่าปัญหาที่ตามมาหลังการเกิดสิว เป็นปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังเป็นรอยจนสร้างความรำคาญใจได้ไม่ต่างจากสิวเลย แถมยังมีแนวโน้มที่รักษายากกว่าสิวอีกด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตาม เมื่อการมีหลุมและรอยสิวนั้นมักทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าจนทำให้ผู้ประสบปัญหาสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษาหลุมสิวและรอยสิวให้หายจึงเป็นทางเลือกที่ทุก ๆ คนที่ประสบปัญหานี้ให้ความสนใจเพื่อแก้ไขให้ปัญหานี้ให้ดีขึ้นและสร้างความมั่นใจของตนเองกลับมา

หลุมสิว คืออะไร ?

หลุมสิว (Acne Scars) คือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบ จะมีลักษณะพื้นผิวเป็นรอยบุ๋มลงไป เมื่อเทียบกับผิวหนังในบริเวณใกล้เคียง หลุมสิวจะเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบของสิวหายแล้ว ซึ่งสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าว่าดูไม่เรียบเนียนเสมอกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่ารักษาสิวผิดวิธี ทำให้แผลบริเวณดังกล่าวนั้นไม่สามารถสมานได้อย่างสมบูรณ์

หลุมสิวเกิดจากอะไร ?

สาเหตุหลัก ๆ ในการเกิดหลุมสิว คือการรักษาสิวที่ผิดวิธี อาจเป็นการกดหรือบีบสิวในชั้นผิวที่ลึก ก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือการอักเสบของผิว ทำให้การซ่อมแซมผิวหนังจากคอลลาเจนและเนื้อเยื่อนั้นสร้างขึ้นไม่เพียงพอ เมื่อแผลหายแล้ว แต่บริเวณดังกล่าวก็ไม่สามารถกลับมาเรียบเนียนได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความตึงบริเวณแผล การหดรั้งของแผล เป็นต้น

ปกติแล้วกระบวนการซ่อมแซมผิวหนัง จะใช้เวลา 7-10 วันในการรักษาแผลจากสิว แต่ถ้าหากกระบวนการซ่อมแซมไม่สมบูรณ์จากการอักเสบอย่างรุนแรงของสิว หรือได้รับผลกระทบจากภายนอก เช่น การบีบสิว กดสิวผิดวิธี ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง ก็จะทำให้เกิดการยุบตัวลงของผิว จนเกิดรอยแผลเป็นและหลุมสิว

หลุมสิว มีกี่แบบ?

ก่อนที่เราจะมาทำความรู้จักวิธีรักษาหลุมสิวและรอยสิว เรามาดูกันก่อนว่าหลุมและรอยสิวเกิดจากสิวประเภทใดได้บ้าง… 

ประเภทของสิวที่มักทำให้เกิดหลุมและรอยสิว

แม้สิวจะเป็นสิ่งปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่กับสิวที่ทำให้เกิดหลุมหรือรอยสิวได้นั้นกลับต่างกันออกไป โดยสิวที่มักทำให้เกิดหลุมสิวมักจะเป็นสิวต่าง ๆ ดังนี้..

  • สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบในรูขุมขน โดยสิวอักเสบจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง อาจมีหนองภายใน โดยสิวอักเสบมักเกิดจากการสะสมของน้ำมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรียในรูขุมขน เมื่อรูขุมขนถูกอุดตันจนเกิดการติดเชื้อจะส่งผลให้เกิดการอักเสบและสิวอักเสบตามมาฃ
  • สิวหัวช้าง เป็นสิวขนาดใหญ่ที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนลึก ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและแบคทีเรียใต้ผิวหนัง สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นก้อนแข็งนูนใต้ผิว มีการอักเสบรุนแรง และเจ็บปวดเมื่อสัมผัส แต่จะไม่มีหัวสิวให้บีบออก ซึ่งการรักษาสิวประเภทนี้จะทำได้ยาก เพราะเมื่อหายแล้วมักทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวที่เห็นได้ชัดเจน

ประเภทของหลุมสิว

สำหรับประเภทของหลุมสิวที่สามารถเกิดขึ้นได้บนผิวหน้าของเรานั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท นั่นก็คือ…

  • 1. ประเภท Ice Pick Scars: หลุมสิวประเภทนี้ มีลักษณะรอยแผลลึก ปากแผลแคบ ขอบแผลไม่เรียบ ก้นของแผลนั้นคล้ายกับกรวย มีความลึกถึงหนังกำพร้าหรือเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวหนัง โดยความลึกของแผลน้อยกว่า 2 มิลลิเมตร ซึ่งบริเวณที่เป็นมักอยู่ที่แก้ม ซึ่งถือเป็นหลุมสิวที่รุนแรงและรักษายากที่สุด ในทางแพทย์นั้นจะแบ่งลักษณะรอยแผลออกเป็น 2 ประเภท คือ รอยแผลชนิดตื้น ความลึก 0.1 – 0.5 มิลลิเมตร และ รอยแผลชนิดลึก มีความลึกมากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 มิลลิเมตรเลยทีเดียว
  • 2. ประเภท Boxcar Scars: หลุมสิวประเภทนี้ มีลักษณะเหมือนกล่อง ความกว้างปากหลุมและก้นหลุมเท่ากัน ขอบชัดเจน รอยแผลมักกว้าง 3-4 มิลลิเมตร เป็นวงกลมหรือวงรี ซึ่งมีทั้งแบบลึกและตื้น ซึ่งสาเหตุของหลุมสิวนั้น นอกจากมาจากสิวแล้ว ยังสามารถเกิดจากแผลอีสุกอีใสได้อีกด้วย 
  • 3. ประเภท Rolling Scars: หลุมสิวประเภทนี้ มีลักษณะรอยแผลกว้างลาดลึกลงชั้นใต้ผิว โค้งคล้ายก้นกระทะ มักมีขนาดกว้าง 4-5 มิลลิเมตร โดยรอยแผลเป็นชนิดนี้มีลักษณะเหมือนคลื่น เกิดจากเนื้อเยื่อพังผืดดึงรั้งชั้นตั้งแต่หนังแท้ถึงเนื้อใต้ผิวหนังลงไป

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดทุกคนคงเห็นแล้วว่าแม้หลุมและรอยต่าง ๆ จะเกิดจากสิวเหมือนกัน แต่รอยที่ทิ้งไว้อาจจะอยู่คนละประเภทกัน ดังนั้น แนวทางหรือวิธีการรักษาก็อาจจะแตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งวิธีการรักษาดังกล่าวก็จะมีหลายวิธีด้วยกัน

วิธีรักษาหลุมสิวและลดรอยหลุมสิว มีอะไรบ้าง?

ในปัจจุบันนี้มีวิธีรักษาหลุมสิวและลดรอยหลุมสิวที่หลากหลายเป็นอย่างมาก ที่ช่วยเติมหลุมสิวให้ตื้นขึ้น แต่วิธีรักษาหลุมสิวแต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับอาการและระดับความรุนแรงที่เกิดขึ้น 3 วิธีการรักษาที่น่าสนใจได้แก่

1.โปรแกรมเลเซอร์หลุมสิว

การทำเลเซอร์หลุมสิวมีหลายแบบ เป็นการปล่อยคลื่นแสงที่มีระดับความยาวคลื่นต่างกันเพื่อปรับสภาพผิว และซ่อมแซมผิว หมอจะประเมินจากสภาพผิวของคนไข้ และลักษณะหลุมสิว โดยกลุ่มเลเซอร์หลุมสิวที่นิยม เช่น Fractional Co2 Laser, Fraxel, Fine Scan, Fractional, e-matrix และ Pico Laser หลังทำจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น 

2.โปรแกรมการรักษาหลุมสิวด้วยการกรอผิว (Dermabrasion)

“กรอผิว”เป็นการรักษาหลุมสิวโดยการใช้เกล็ดอัญมณี ในการกรอผิวหนังบริเวณที่เกิดหลุมสิว เพื่อเปิดผิวและซ่อมแซมให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา วิธีนี้จะช่วยเรื่องหลุมสิวที่มีความกว้างแต่ค่อนข้างตื้นได้ดี และช่วยลดรอยสิว รอยจุดด่างดำ ต่างๆให้ลดเลือนลงด้วย แต่วิธีนี้ค่อนข้างเป็นวิธีที่ต้องระวัง เนื่องจากเป็นการทำให้ผิวหนังบางขึ้น จนเกิดการระคายเคืองผิวได้ง่าย ต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำ ใช้เวลานานในการรักษาเพราะต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง

3.โปรแกรมตัดพังผืดหลุมสิว (Subsicion)

อีกหนึ่งวิธีที่แพทย์เลือกใช้เพื่อรักษาหลุมสิว ซึ่งต้องเกริ่นก่อนว่า แม้สิวจะหายแล้วแต่ผิวของคนไข้มักเกิดการสมานแผลได้ไม่สมบูรณ์ และทำให้เกิดพังผืดหลุมสิวใต้ผิวดึงรั้งทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวบุ๋ม ดังนั้น  แพทย์จะใช้เข็มที่มีปลายทู่ ลักษณะเหมือนมีดเข้าไปเซาะ ตัดพังผืดหลุมสิว ให้ขาดออกจากกันเพื่อช่วยซ่อมแซมหลุมสิวให้ตื้นขึ้นจากนั้นทำการฉีดสารรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้มาเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนังนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม นอกจาก 3 วิธีที่ได้กล่าวมาข้างต้น การรักษาหลุมสิวยังมีอีกหลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของคนไข้ ต้องให้หมอประเมินก่อนว่าเป็นหลุมสิวมีความลึกระดับไหน หลุมสิวตื้นจะรักษาได้ง่ายกว่าหลุมสิวลึก ถ้าเป็นสิวจึงไม่ควรแคะ แกะ เกา จนอักเสบลุกลาม เพราะจากที่เป็นหลุมสิวตื้น อาจจะเป็นกลายเป็นหลุมสิวลึก ต้องรักษาหลายครั้งถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และนอกจากนี้ ควรหาวิธีป้องกันในการเกิดหลุมสิวไว้ด้วยเพื่อให้เกิดขึ้นซ้ำจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในอนาคต 

โปรแกรม Laser ลดรอยสิว กระ ฝ้า จุดด่างดำ ที่ Pattippa Clinic

Pattippa Clinic ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาปัญหาผิวดังกล่าว โดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ในการลดเม็ดสีเมลานินที่สะสมในผิวหนัง ทำให้รอยสิว กระ ฝ้า และจุดด่างดำจางลง นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว

เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ในโปรแกรม

ที่ Pattippa Clinic มีเทคโนโลยีเลเซอร์หลายประเภทที่เหมาะสำหรับการรักษาปัญหาผิวพรรณหลายด้าน โดยเทคโนโลยีหลักที่ใช้ในการรักษารอยสิว กระ ฝ้า จุดด่างดำ และการปรับผิวให้สม่ำเสมอ ได้แก่:

  • Pico Laser – เลเซอร์ที่มีความละเอียดสูงและเหมาะกับการรักษารอยฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยสิวโดยเฉพาะ มีความแม่นยำสูงและไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนัง ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • Q-Switched ND Laser – เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสงความถี่ต่ำเพื่อทำลายเม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวหนัง ช่วยให้รอยสิวและกระฝ้าจางลงอย่างรวดเร็ว และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
  • IPL (Intense Pulsed Light) – แม้จะไม่ใช่เลเซอร์โดยตรง แต่ IPL เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงในการลดเลือนรอยสิวและจุดด่างดำ โดยการทำงานของแสงจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสและเรียบเนียน

ประโยชน์ของโปรแกรม Laser ลดรอยสิว กระ ฝ้า จุดด่างดำ ที่ Pattippa Clinic

  • ลดเลือนรอยสิว กระ ฝ้า จุดด่างดำ – เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ในโปรแกรมนี้สามารถเจาะจงรักษาเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในผิวหนัง ทำให้รอยสิว กระ ฝ้า และจุดด่างดำจางลงอย่างชัดเจน
  • ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ – การใช้เลเซอร์ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวใหม่ – การทำเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระชับมากยิ่งขึ้น
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน – การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ
  • ผลลัพธ์ที่ยาวนาน – โปรแกรมเลเซอร์ที่ Pattippa Clinic ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของผู้เข้ารับบริการและการป้องกันผิวจากแสงแดด

ขั้นตอนการทำเลเซอร์ลดรอยสิว กระ ฝ้า จุดด่างดำที่ Pattippa Clinic

Pattippa Clinic ให้บริการเลเซอร์อย่างครบวงจรโดยใช้เทคนิคที่ดีและทันสมัย ขั้นตอนการรักษามีดังนี้..

  1. การปรึกษาและวิเคราะห์สภาพผิว – แพทย์ผู้ชำนาญการจะทำการวิเคราะห์สภาพผิวและปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของผู้เข้ารับบริการ
  2. การเตรียมผิวและยาชา – ก่อนทำเลเซอร์ แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าและอาจใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบาย
  3. การทำเลเซอร์ – แพทย์จะทำการยิงเลเซอร์ในบริเวณที่ต้องการรักษา โดยปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและความต้องการของลูกค้า
  4. การดูแลหลังทำเลเซอร์ – หลังทำเลเซอร์ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เช่น การใช้ครีมกันแดดและครีมบำรุงที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน

ติดตามข้อมูลบริการรักษาหลมสิว รอยสิวอื่น ๆ >> โปรแกรมลดหลุมสิว จาก Pattippa Clinic

รักษาหลุมสิว รอยสิวที่ไหนดี?

Pattippa clinic Ayutthaya คลินิกความงาม ดำเนินการโดยแพทย์ตจปฏิบัติการ (ด้านผิวหนัง)  ทุกตัวยาและหัตถการ บริการด้วยความใส่ใจ จริงใจ ไม่ยัดเยียดคอร์ส  เราเชื่อว่าอะไรที่ดี ใช้กับตัวเองจนมั่นใจ เราจึงนำมาใช้กับคนไข้ทุกหัตการ ที่ Pattippa clinic ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ทั้งหมด

บทความล่าสุด

Pattippa clinic Ayutthaya คลินิกความงาม ดำเนินการโดยแพทย์ตจปฏิบัติการ (ด้านผิวหนัง) ทุกตัวยาและหัตถการ บริการด้วยความใส่ใจ จริงใจ ไม่ยัดเยียดคอร์ส เพราะเราเชื่อว่าอะไรที่ดี ใช้กับตัวเองจนมั่นใจ เราจึงนำมาใช้กับคนไข้ทุกหัตการ
ที่ Pattippa clinic ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ทั้งหมด