โปรแกรม PRP ฟื้นฟูผิว ดีจริงไหม? ไขข้อข้องใจนวัตกรรมคืนความอ่อนเยาว์

โปรแกรม “PRP ฟื้นฟูผิว” เป็นโปรแกรมผิวที่หลาย ๆ คนเคยได้ยินหรือรู้จักกันมาบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่ได้ทำความเข้าใจอย่างละเอียดว่าโปรแกรมนี้มีประโยชนอย่างไร และสามารถแก้ปัญหาผิวรูปแบบไหนได้บ้าง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าโปรแกรม PRP นั้น เป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์แลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งสารเติมเต็มหรือการศัลยกรรม โดยโปรแกรมนี้ใช้กระบวนการทางชีวภาพที่อาศัยพลาสม่าจากเลือดของตนเองในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียน กระจ่างใส และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังสงสัยว่าโปรแกรม PRP เหมาะกับใครบ้าง? ให้ผลลัพธ์ที่ดีจริงหรือไม่? และมีข้อควรระวังอะไรที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำ? ในบทความนี้ Pattippa Clinic จะพาทุกคนมาเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรม PRP อย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงประโยชน์ กระบวนการทำงาน และสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนเข้ารับบริการ

โปรแกรม PRP ฟื้นฟูผิว

คืออะไร ดีไหม เหมาะกับใครบ้าง?

ผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง และกระชับเต่งตึงเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น แสงแดด มลภาวะ และความเครียด ล้วนส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และหมองคล้ำได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูสุขภาพดีขึ้น หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ โปรแกรม PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือการใช้พลาสม่าจากเลือดของตนเองเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูผิว แต่ โปรแกรม PRP ฟื้นฟูผิวดีจริงหรือไม่? เหมาะกับใครบ้าง? มาหาคำตอบกันในบทความนี้

ทำความรู้จักกันก่อน

“โปรแกรม PRP” คืออะไร ทำงานอย่างไร?

โปรแกรม PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือ “พลาสม่าเข้มข้นจากเกล็ดเลือด” คือ กระบวนการฟื้นฟูผิวโดยการใช้พลาสม่าที่ได้จากเลือดของตัวเอง ซึ่งอุดมไปด้วยเกล็ดเลือดที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมและการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ที่สำคัญคือ โปรแกรม PRP ยังมีโปรตีนและสารธรรมชาติที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ผิวหนังของเรามีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ โดยกระบวนการของ โปรแกรม PRP นั้นเป็นการใช้ศักยภาพจากร่างกายของเราเองเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวพรรณโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีหรือเครื่องมือที่มีความเสี่ยงนั่นเอง

ขั้นตอนการทำโปรแกรม PRP มีอะไรบ้าง?

สำหรับขั้นตอนของโปรแกรม PRP นั้นมีหลัก ๆ อยู่ 3 ขั้นตอนด้วยกัน ดังนี้…

ขั้นตอนแรกแพทย์จะทำการเจาะเลือดจากผู้รับบริการ โดยเลือดที่เจาะจะถูกเก็บในหลอดพิเศษ เพื่อเตรียมการแยกพลาสม่า ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้รับบริการจะรู้สึกเหมือนการเจาะเลือดธรรมดา และจะไม่มีอาการเจ็บปวดมากนัก

หลังจากที่ได้เลือดแล้ว เลือดจะถูกนำไปใส่เครื่องปั่นเพื่อแยกส่วนประกอบต่างๆ ของเลือด โดยในขั้นตอนนี้จะทำให้ได้พลาสม่าที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูง (Platelet-Rich Plasma) ซึ่งจะอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว

พลาสม่าที่ได้จากกระบวนการปั่นแยกจะถูกนำมาฉีดกลับเข้าสู่บริเวณผิวที่ต้องการการฟื้นฟู เช่น ผิวหน้า, ริ้วรอย, หรือจุดด่างดำ โดยการฉีดโปรแกรม PRP จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินที่ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม โปรแกรม PRP เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวพรรณอย่างปลอดภัยโดยใช้กระบวนการธรรมชาติจากร่างกายของเราเอง ด้วยกระบวนการที่ง่ายและปลอดภัย ไม่มีสารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอม ผิวของคุณจะได้รับการฟื้นฟูและดูอ่อนเยาว์ขึ้น แลดูเป็นธรรมชาติ โดยสำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีที่ช่วยบำรุงและแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ โปรแกรม PRP อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทุกคน

โปรแกรม PRP เหมาะกับใครบ้าง?

โปรแกรม PRP (Platelet-Rich Plasma) เป็นนวัตกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวด้วยวิธีธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งสารสังเคราะห์หรือการศัลยกรรม เนื่องจากเป็นการใช้พลาสม่าที่สกัดจากเลือดของตนเอง จึงลดความเสี่ยงจากอาการแพ้และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สารเคมี

โดยโปรแกรม PRP นั้นจะช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรงและดูสุขภาพดีขึ้นแลดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้…

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินลดลง ทำให้ผิวขาดความกระชับและเริ่มเกิดริ้วรอย โปรแกรม PRP จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ริ้วรอยจางลง ผิวดูกระชับขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการชะลอวัยและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว

ผิวที่แห้งและขาดความชุ่มชื้นมักทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำและไม่สดใสโปรแกรม PRP มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) และเพิ่มความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สุขภาพดี และเรียบเนียนขึ้น แลดูเป็นธรรมชาติ

หลุมสิวและรอยแผลเป็นจากสิวนั้น มักเกิดจากการที่ผิวไม่สามารถสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น โปรแกรม PRP จะเข้ามาช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้รอยแผลเป็นจากสิวตื้นขึ้น หลุมสิวดูเรียบเนียนขึ้น และสีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

เพราะโปรแกรม PRP ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับสมดุลของผิว ลดอาการอักเสบ และกระตุ้นให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น ผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือมีอาการระคายเคืองจากสารเคมี อาจได้รับประโยชน์จาก โปรแกรม PRP เนื่องจากเป็นวิธีการที่ปราศจากสารเติมแต่งหรือสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง

สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวโดยไม่ใช้สารสังเคราะห์ โรปรแกรม PRP เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย เนื่องจากใช้พลาสม่าที่สกัดจากเลือดของตัวเอง ซึ่งช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายในโดยไม่มีความเสี่ยงจากสารแปลกปลอม ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวในระยะยาวโดยไม่มีผลข้างเคียงจากสารเคมี

โปรแกรม PRP เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใสของผิวแลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเติมแต่งหรือวิธีการศัลยกรรม หากใครที่กำลังมองหาวิธีและฟื้นฟูดูแลผิว โปรแกรม PRP อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการของผู้ประสบปัญหาผิวได้เป็นอย่างดี

ผลลัพธ์หลังการทำโปรแกรม PRP

หลังจากที่ทำโปรแกรม PRP ผิวจะได้รับการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ผิวมีความกระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ความกระจ่างใสของผิวจะเห็นได้แลดูเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยและจุดด่างดำจะลดลงอย่างชัดเจน นอกจากนี้ กระบวนการนี้ยังช่วยในเรื่องของการลดการอักเสบและการฟื้นฟูผิวจากปัญหาต่าง ๆ อย่างเช่น ผิวที่แห้งกร้าน หรือผิวที่มีรอยแผลเป็นจากสิว เป็นต้น ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย

โปรแกรม PRP ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

จากที่กล่าวไปว่า โปรแกรม PRP นั้นเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมในการฟื้นฟูผิวด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ โดยใช้พลาสม่าที่สกัดจากเลือดของตนเอง ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโปรแกรม PRP จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการด้วยเช่นกัน ดังนี้…

ข้อดีของโปรแกรม PRP

  • ใช้เลือดของตนเอง ลดความเสี่ยงจากการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อสารแปลกปลอม
    เนื่องจากโปรแกรม PRP เป็นการใช้พลาสม่าที่สกัดจากเลือดของผู้รับบริการเอง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ หรือปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นจากสารเคมีหรือสารแปลกปลอมที่มาจากภายนอก ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือกังวลเรื่องอาการแพ้
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน
    โปรแกรม PRP มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย ทำให้ผิวมีความเรียบเนียนและกระชับขึ้น
  • ฟื้นฟูผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้ผลลัพธ์ที่ดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น เพราะโปรแกรม PRP ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูเป็นธรรมชาติ โดยผิวจะค่อย ๆ กระจ่างใสขึ้น ริ้วรอยลดลง และมีความเรียบเนียนมากขึ้น
  • ไม่มีสารเติมแต่งหรือสารเคมี ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง การทำโปรแกรม PRP ไม่ใช้สารเติมแต่งหรือสารสังเคราะห์ใด ๆ ทำให้ลดความเสี่ยงจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิว อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ตามธรรมชาติ

ข้อควรระวังของ PRP

  • อาจมีอาการรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
    หลังจากทำโปรแกรม PRP อาจมีอาการรอยแดง บวม หรือรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติและจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 1-3 วัน ทั้งนี้ ควรดูแลผิวตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • ผลลัพธ์อาจใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
    การทำโปรแกรม PRP ไม่ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีเหมือนกับฟิลเลอร์หรือการทำเลเซอร์ เนื่องจากเป็นกระบวนการฟื้นฟูที่ต้องอาศัยเวลาให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ โดยส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
  • ควรเข้ารับบริการจากแพทย์ผู้มีความรู้ความสามารถเท่านั้น และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
    แม้ว่าการทำโปรแกรม PRP จะเป็นกระบวนการที่ไม่ได้ใช้สารเคมีที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่จำเป็นต้องดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนของหัตถการนี้เท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าเลือดที่นำมาสกัดพลาสม่าผ่านกระบวนการที่ถูกต้องและปราศจากการปนเปื้อน นอกจากนี้ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีอุปกรณ์ที่สะอาดเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า โปรแกรม PRP เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวที่มีข้อดีมากมาย โดยช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้นโดยปราศจากการใช้สารเคมี อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้รับจะเป็นไปตามที่คาดหวัง

โปรแกรม PRP ฟื้นฟูผิว ที่ไหนดี?

Pattippa clinic Ayutthaya คลินิกความงามที่ให้บริการด้านการดูแลผิวพรรณและความงามแบบ Full Service ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์ พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการอบรมด้านความงามอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริการที่ได้มาตรฐาน พร้อมเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัยที่ครอบคลุมทั้งการดูแลผิวหน้า ผิวกาย รวมถึงบริการด้านความงามอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ตลอดทุกขั้นตอนการให้บริการ เพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละท่าน

บทความล่าสุด

Pattippa clinic Ayutthaya คลินิกความงามที่ให้บริการด้านการดูแลผิวพรรณและความงามแบบ Full Service ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์ พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการอบรมด้านความงามอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริการที่ได้มาตรฐาน พร้อมเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัยที่ครอบคลุมทั้งการดูแลผิวหน้า ผิวกาย รวมถึงบริการด้านความงามอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ตลอดทุกขั้นตอนการให้บริการ เพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละท่าน