ใบหน้าไม่เท่ากันเกิดจากอะไร หากเสียความมั่นใจ รีบแก้ไขด่วน!

ใบหน้าไม่เท่ากันเกิดจากอะไร? เชื่อได้ว่าเป็นคำถามที่ผู้ประสบปัญหารูปหน้าไม่สมดุลต้องการทราบกันอยู่อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นการมีโครงหน้าที่ไม่สมดุล หรือการเกิดความเบี้ยวจากสาเหตุต่างๆ เช่น พันธุกรรม, การบาดเจ็บ, หรือแม้แต่ผลจากการทำศัลยกรรม ก็ล้วนแต่สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ของเราได้ทั้งสิ้น

ดังนั้น หากใครกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ ไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกไม่มั่นใจครอบงำชีวิต แต่อย่าพึ่งกังวลไป เพราะการแก้ไขใบหน้าไม่เท่ากันสามารถทำได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้น และในบทความนี้ Pattippa Clinic จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสาเหตุของความไม่สมดุลของใบหน้าและวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม เพื่อคืนความมั่นใจให้กับทุกคนอีกครั้ง

ใบหน้าไม่เท่ากันเกิดจากอะไร มีลักษณะยังไง แก้ไขได้หรือเปล่า?

เป็นที่ทราบกันดีว่า โดยทั่วไปแล้วทุกคนต่างมีลักษณะใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่สำหรับบางคน ความไม่สมมาตรของใบหน้ากลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกกังวลหรือไม่มั่นใจ ใบหน้าที่ไม่เท่ากันสามารถเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งทางพันธุกรรม พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งผลกระทบจากการบาดเจ็บหรือโรคบางประการด้วยนั่นเอง

หน้าไม่เท่ากัน คือ…

ใบหน้าที่ไม่เท่ากัน หรือที่เรียกว่าความไม่สมมาตรของใบหน้า (Facial asymmetry) คือสภาพที่โครงสร้างของใบหน้าทั้งสองข้างไม่สมดุลกัน อาจสังเกตได้จากลักษณะของอวัยวะต่าง ๆ บนใบหน้าที่มีขนาดหรือรูปร่างแตกต่างกัน เช่น ดวงตาข้างหนึ่งอาจดูใหญ่กว่าอีกข้าง โหนกแก้มอาจไม่เท่ากัน ริมฝีปากอาจเบี้ยว หรือแนวคางและขากรรไกรอาจเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

ในความเป็นจริง ใบหน้าของทุกคนมักมีความไม่สมมาตรอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม หากความไม่สมมาตรปรากฏเด่นชัดจนส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ หรือการทำงานของอวัยวะ เช่น การพูด การเคี้ยวอาหาร หรือการแสดงออกทางสีหน้า อาจจำเป็นต้องปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งเพื่อวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมต่อไป

หน้าไม่เท่ากัน เกิดจากปัจจัยใดได้บ้าง?

ใบหน้าไม่เท่ากันหรือใบหน้าที่ไม่สมมาตร (Facial asymmetry) สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้…

1.พันธุกรรมและการเจริญเติบโต

  • ลักษณะทางพันธุกรรมอาจส่งผลให้โครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อบนใบหน้าเจริญเติบโตไม่สมดุลกัน เช่น ขากรรไกรหรือโหนกแก้มข้างหนึ่งใหญ่หรือเล็กกว่าปกติ

2.พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

  • การนอนตะแคงด้านใดด้านหนึ่งเป็นประจำ
  • การเคี้ยวอาหารด้วยฟันข้างเดียว
  • การแสดงสีหน้าหรือท่าทางที่ใช้กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งมากกว่า

3.การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ

  • กระดูกใบหน้าแตกหรือเคลื่อนหลังจากเกิดอุบัติเหตุ
  • การบาดเจ็บตั้งแต่วัยเด็กที่อาจรบกวนการเจริญเติบโตของกระดูก

4.การเปลี่ยนแปลงตามวัย

  • กล้ามเนื้อและไขมันใบหน้าเสื่อมสภาพหรือหย่อนคล้อยไม่เท่ากันเมื่ออายุมากขึ้น
  • การสูญเสียฟันหรือการเปลี่ยนแปลงของกระดูกขากรรไกร

5.โรคหรือความผิดปกติ

  • โรคเบลล์พัลซี (Bell’s palsy) ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าด้านหนึ่งอ่อนแรง
  • ภาวะข้อต่อขากรรไกรอักเสบ (TMJ disorder)

6.ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

  • การสัมผัสแสงแดดหรือมลภาวะมากเกินไปอาจทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพไม่เท่ากัน

หากใบหน้าไม่เท่ากันส่งผลกระทบต่อความมั่นใจหรือการใช้ชีวิต ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านโครงสร้างใบหน้าหรือศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อประเมินและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม

หน้าไม่เท่ากัน เป็นแบบไหน มีลักษณะอย่างไร?

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า ปัญหา “หน้าไม่เท่ากัน” หรือที่บางครั้งเรียกว่า “หน้าเบี้ยว” หรือ “หน้าผิดรูป” หมายถึง ภาพรวมของใบหน้าที่มีลักษณะไม่สมดุลกันระหว่างสองข้าง ซึ่งอาจทำให้ดูเหมือนว่าหน้าข้างหนึ่งสูงกว่าหรือมีรูปทรงแตกต่างไปจากข้างอื่น ๆ ลักษณะของหน้าไม่เท่ากันสามารถพบได้ในหลายกรณี ซึ่งมักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม ความเครียด หรือปัญหาจากการเสริมความงามต่าง ๆ ที่ทำให้ใบหน้าเกิดการผิดรูป

ลักษณะของหน้าไม่เท่ากัน…

  • ความไม่สมดุลระหว่างสองข้างของใบหน้า: ข้างหนึ่งอาจดูใหญ่กว่า ข้างหนึ่งอาจดูเล็กกว่า หรือหนึ่งข้างอาจยิ้มได้มากกว่าข้างอื่น
  • โหนกแก้มสูงต่ำไม่เท่ากัน: การที่โหนกแก้มข้างหนึ่งสูงกว่าหรือยุบลง
  • คิ้วไม่เท่ากัน: คิ้วข้างหนึ่งอาจสูงหรือต่ำกว่าข้างอื่น
  • ขากรรไกรหรือปากไม่ตรง: การเบี่ยงเบนของปากหรือขากรรไกรที่ไม่ได้อยู่ในแนวตรง

วิธีสังเกต…

  1. ลองถ่ายรูปหน้าตรง: การถ่ายภาพในมุมที่ตรงและไม่เอียง จะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้ามีความไม่สมดุลหรือไม่
  2. สังเกตขนาดและตำแหน่งของหู: หากหูข้างหนึ่งดูเหมือนจะอยู่สูงหรือต่ำกว่าข้างอื่น อาจเป็นสัญญาณของความไม่สมดุล
  3. ดูที่สายตา: อีกวิธีคือลองตั้งใจมองที่ดวงตา ดูว่าข้างหนึ่งดูเล็กหรือใหญ่กว่าข้างอื่น ๆ หรือไม่ซึ่งหากมีขนาดไม่เท่ากัน อาจหมายถึงว่าเรากำลังประสบปัญหาหน้าไม่สมมาตรอยู่
  4. ท่าทางการพูดหรือการยิ้ม: การพูดหรือการยิ้มอาจทำให้เห็นความไม่สมดุลที่ชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบระหว่างสองข้างของใบหน้า

อย่างไรก็ดี หากลองสังเกตตนเองแล้วรู้สึกว่าใบหน้ามีความไม่สมดุลที่ส่งผลต่อความมั่นใจหรือสุขภาพ ควรปรึกษาเพื่อหาทางแก้ไขที่เหมาะสมกับตนเองต่อไป

หน้าไม่เท่ากัน ข้อเสียที่ทุกคนอาจคาดไม่ถึง

หลาย ๆ คนอาจไม่ทราบหรือคิดไม่ถึงมาก่อนว่าการที่ใบหน้ามีความไม่สมดุล อาจมีข้อเสียหลายประการ ทั้งในด้านความสวยงามและสุขภาพจิต ซึ่งข้อเสียหลักที่อาจเกิดขึ้นมักประกอบด้วย…

  • ส่งผลต่อความมั่นใจ ความไม่สมดุลของใบหน้าอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง โดยเฉพาะในสังคมที่มีมาตรฐานความงามที่ค่อนข้างสูง บางคนอาจรู้สึกไม่พอใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาทางด้านจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือความรู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับ
  • ปัญหาทางด้านสังคม คนที่รู้สึกไม่มั่นใจในความไม่สมดุลของใบหน้าอาจหลีกเลี่ยงการถ่ายรูปหรือการปรากฏตัวในที่สาธารณะ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวหรือไม่สะดวกในการเข้าสังคม
  • ปัญหาทางการมองเห็นหรือการเคลื่อนไหว ในบางกรณีที่หน้าไม่เท่ากันเกิดจากปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะกระดูกหน้าเบี้ยว หรือความผิดปกติในการพัฒนาโครงสร้างใบหน้า อาจทำให้เกิดปัญหาทางด้านการมองเห็นหรือการเคลื่อนไหวของใบหน้า เช่น ขากรรไกรไม่ตรง ทำให้การเคี้ยวหรือการพูดลำบาก
  • ปัญหาทางการหายใจ ในบางกรณีที่มีการเบี่ยงเบนของจมูกหรือกระดูกโครงหน้า อาจทำให้เกิดปัญหาการหายใจไม่สะดวก เช่น หายใจทางจมูกข้างหนึ่งได้ไม่เต็มที่
  • ผลกระทบจากการทำศัลยกรรมหรือการเสริมความงาม หากมีการเสริมความงามหรือทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขหน้าไม่เท่ากัน โดยที่ไม่ได้รับการทำอย่างถูกต้อง หรือไม่มีการคำนึงถึงโครงสร้างใบหน้าที่แท้จริง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การบวมเกินไป หรือการที่ไม่สามารถแก้ไขความไม่สมดุลได้อย่างถาวร
  • การเสื่อมสภาพของโครงหน้า ในบางกรณีที่ใบหน้าไม่เท่ากันเกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกหรือเนื้อเยื่อใบหน้า เช่น การที่ผิวหนังหย่อนคล้อย หรือการที่กระดูกบางจุดได้รับผลกระทบจากกระบวนการชราภาพ อาจทำให้ลักษณะใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ การที่ใบหน้ามีความไม่สมดุลเป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำศัลยกรรม หรือการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ที่เหมาะสม หากความไม่สมดุลนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหรือสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขที่ดีที่สุด

หน้าไม่เท่ากัน แก้ยังไงดี? โปรแกรมปรับรูปหน้า ไม่ต้องผ่าตัด ที่ Pattippa Clinic เป็นคำตอบให้ได้

สำหรับนวัตกรรมสำหรับโปรแกรมยกกระชับเพื่อปรับรูปหน้า ที่ Pattippa Clinicจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้…

1.โปรแกรม โบท็อกซ์ (BOTOX)

โปรแกรมโบท็อกซ์ (BOTOX) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งมีคุณสมบัติในการหยุดการหดตัวของกล้ามเนื้อชั่วคราว จึงสามารถลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยระหว่างคิ้ว และริ้วรอยบริเวณหางตา ริ้วรอยใต้ตา นอกจากนี้ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX) ยังใช้ในการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ช่วยกระชับผิว กระชับรูขุมขน และลดเหงื่อ ได้อีกด้วย

2.โปรแกรมฟิลเลอร์ (Filler)

การฉีดฟิลเลอร์สามารถเพิ่มปริมาตรและความคมชัดให้กับบริเวณขอบกรามและคาง ทำให้รูปหน้าดูมีมิติและชัดเจนมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หรือรูปหน้าดูอ่อนคล้อยและช่วยยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้าให้ดูเต่งตึงขึ้น โดยการเติมเต็มเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้เส้นกรอบหน้าดูคมและเด่นชัดขึ้น ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับกรอบหน้าเป็นการแก้ไขที่ไม่ต้องผ่าตัดและเห็นผลลัพธ์ได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนรับบริการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคนอีกด้วย

3.โปรแกรม Ulthera

เป็นวิธียกกระชับโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง และมีความเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ยิงลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้ผิวเกิดการยกกระชับใบหน้าขึ้น โดยจะ focus ให้เกิดจุดความร้อนเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นจุดไข่ปลาตรงใต้ผิว ซึ่งจะทำให้เกิดการหดของเนื้อเยื่อตามทิศทางของคลื่นความถี่ดังกล่าวซึ่งมีความแม่นยำเป็นอย่างมากอีกหนึ่งนวัตกรรมเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ จุดเด่น เหมาะกับคนที่มีความหย่อนคล้อย หน้าคล้อย อยากให้ใบหน้ายก ดังนั้น ในการรักษาจะเน้นในการยกกระชับผิวใบหน้าเป็นหลัก ซึ่งเรียกได้ว่า Program Ulthera เป็นหัตถการ ที่นึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ของทางคลินิกของเราเลยทีเดียว

4.โปรแกรม Ultraformer

เทคโนโลยี Ultraformer นั้น จะแตกต่างจาก Program Ulthera จะได้ช็อตเยอะกว่า ราคาย่อมเยากว่า ทั้งนี้ ยิงได้กระจายได้มากกว่า หลายตำแหน่ง โดย Program Ultraformer เหมาะกับคนที่อายุ 20-30 ต้น ๆ ที่ความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยอาจจะยังไม่ลึกมากนั่นเอง ทั้งนี้ ยังสามารถสลายไขมัน กระตุ้นคอลลาเจน ยกผิวหย่อนคล้อย ยกใบหน้าให้กระชับ ลดและสลายไขมันบนใบหน้าให้ไม่ว่าจะหมุนองศาไหนก็สวย

5.โปรแกรม Thermage FLX

เป็นเทคนิคที่ช่วยสลายไขมัน ทำให้ผิวของเราแน่นกระชับขึ้นและยังช่วยปรับสภาพผิว เพิ่มผิวเด็ก (Skin Quality) ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงซึ่งเป็นก้อนพลังงานความร้อนลงในชั้นผิว ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันบนใบหน้า โดยเฉพาะที่แก้ม และเหนียง ผิวหน้าหย่อนคล้อย และมีริ้วรอยมาก โดยหลักการทำงานของโปรแกรม Themrage FLX นั้นจะเป็นกระตุ้นการกระชับ ปล่อยพลังงานเป็น Volumetic ซึ่งจะทำให้ลดแก้มกระชับได้ดี ทั้งนี้ยังช่วย tightening ลดแก้ม เหนียงใต้คาง จะช่วยแก้ไขผิวหลวม ผิวเด้งแน่นขึ้น ได้เพิ่มเติมเรื่องงานผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ทุกคนคงเห็นแล้วว่าโปรแกรมยกกระชับและปรับรูปหน้าจากทาง Pattippa Clinic ของเรานั้นมีความหลากหลาย ซึ่งเครื่องไหนจะดีที่สุดนั้นก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคนนั่นเอง ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ปัญหารูปหน้า เป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลใจไม่น้อย แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยยกกระชับหน้าได้อย่างตรงสาเหตุ ก็สามารถช่วยให้ทุก ๆ คนมีใบหน้าที่ได้สัดส่วนและสมดุลมากขึ้น

โปรแกรมปรับรูปหน้า ที่ไหนดี?

Pattippa clinic Ayutthaya คลินิกความงาม ดำเนินการโดยแพทย์ตจปฏิบัติการ (ด้านผิวหนัง) ทุกตัวยาและหัตถการ บริการด้วยความใส่ใจ จริงใจ ไม่ยัดเยียดคอร์ส เพราะเราเชื่อว่าอะไรที่ดี ใช้กับตัวเองจนมั่นใจ เราจึงนำมาใช้กับคนไข้ทุกหัตการ ที่ Pattippa clinic ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ทั้งหมด

บทความล่าสุด

Pattippa clinic Ayutthaya คลินิกความงาม ดำเนินการโดยแพทย์ตจปฏิบัติการ (ด้านผิวหนัง) ทุกตัวยาและหัตถการ บริการด้วยความใส่ใจ จริงใจ ไม่ยัดเยียดคอร์ส เพราะเราเชื่อว่าอะไรที่ดี ใช้กับตัวเองจนมั่นใจ เราจึงนำมาใช้กับคนไข้ทุกหัตการ
ที่ Pattippa clinic ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ทั้งหมด